ปีพุทธศักราช
2546 เกิดกบฎเงี้ยว (ไทยใหญ่) เข้าปล้นหัวเมืองฝ่ายเหนือหลายแห่งรวมทั้งพะเยาด้วย
ส่วนกลางและเจ้าเมืองลำปาง ได้ส่งกองกำลังทหารมาปราบ เมื่อปราบสำเร็จ
เจ้าเมืองพะเยา ได้เกณฑ์ข้าราชการชาวบ้าน มาช่วยกันสร้างกำแพงเมืองขึ้นมาใหม่
โดยให้เอาอิฐจากวัดร้างต่าง ๆ มาสร้างให้ทันกาล
ด้วยเหตุนี้
พะเยาจึงเต็มไปด้ยซากโบราณสถาน และโบราณวัตถุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปหินทรายมากกว่าหมื่นชิ้น
ช่างแกะสลักหินทราย ฐานอุโบสถหินทรายเป็นต้น และที่สำคัญคือศอลาจารึกของเมืองพะเยา
มีจำนวนมากถึง 102 หลัก จากสภาพการเป็นเมืองท่า การปรากฎชื่อในตำนาน
ใบลาน ปั๊บสา ศิราจารึก และบันทึกประวัติศาสตร์มทั่วไป จึงทำให้ผู้ที่ศึกษาและนักวิชาการหลายสถาบัน
เดินทางไปหาข้อมมูลจากบุคคลเก่าแก่ของเมืองพะเยา โดยเฉพาะพระธรรมวิมลโมลี
และการมาขอข้อมูลจากนักวิชาการ ทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น จึงทำให้พระธรรมวิมลโมลี
ซึ่งขณะนั้น (พ.ศ. 2507) ดำรงสมณศักดิ์เป็น พระโสภณธรรมมุณี เจ้าคณะอำเภอเมืองพะเยา
เริ่มเก็บรวบรวมวัตถุโบราณและศึกษาตำนานประวัติท้องถิ่นอย่างจริงจัง
จนเป็นที่มาของการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ ที่จะนำมาแสดงในหอวัฒนธรรมนิทัศน์
วัดศรีโคมคำ ขณะนี้
มีอะไรในหอวัฒนธรรมนิทัศน์
อาจกล่าวได้ว่าหอวัฒนธรรมนิทัศน์
วัดศรีโคมคำ มีส่วนประกอบใหญ่อยู่ 4 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1. ตัวอาคารหอวัฒนธรรมนิทัศน์
ซึ่งออกแบบดดย คุณไพบูลย์ ผลมาก สถาปนิกกรมศิลปากร เป็นรูปทรงล้านนาประยุกต์
สูงสองชั้น พื้นที่จัดแดสงจำนวน 2,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยส่วนที่จัดแสดง
8 ส่วน (สี่ห้อง) ห้องเก็บของ 3 ห้อง ห้องรับเสด็จ 1 ห้อง ห้องเจ้าหน้าที่
2 ห้อง ที่จัดแสดงนิทรรศการ 1 แห่ง ส่วนหย่อม 1 แห่ง และลานศิลาจารึก
1 แห่ง ทิศตะวันตกของอาคารติดกับกว็านพะเยา บริเวณทั้งหมดประมาณ
5 ไร่ ตัวอาคารได้ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 1,480,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้รับจากการบริจาคให้วัดศรีโคมคำ
ส่วนที่ 2. คือส่วนที่จัดนิทรรศการถาวร
และตกแต่งภายในประกอบด้วย ส่วนที่จัดแสดงอยู่ 8 ส่วนได้แก่
หน้าผ่านมา หน้าต่อไป